5 เครื่องฟอกอากาศราคาถูก คุ้มค่า สำหรับคนงบน้อย ปี 2025

ในยุคที่ฝุ่น PM2.5 และมลพิษทางอากาศในไทยกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน หลายคนเริ่มมองหา เครื่องฟอกอากาศ เพื่อช่วยปรับปรุงคุณภาพอากาศในบ้าน แต่บางครั้งราคาของเครื่องฟอกอากาศอาจดูสูงเกินไปสำหรับคนที่มีงบจำกัด โชคดีที่ยังมีตัวเลือกเครื่องฟอกอากาศราคาประหยัดที่มีประสิทธิภาพดีและช่วยให้คุณหายใจสะดวกขึ้นได้

บทความนี้จะพาคุณไปดู เครื่องฟอกอากาศราคาถูกและคุ้มค่า เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการประหยัดงบ แต่ยังคงต้องการคุณภาพการกรองฝุ่น PM2.5 และสารก่อภูมิแพ้ พร้อมเปรียบเทียบคุณสมบัติ ราคา และขนาดห้องที่เหมาะสม

ตารางเปรียบเทียบเครื่องฟอกอากาศราคาประหยัด (เริ่มต้นที่หลัก 1,000+)

ยี่ห้อ / รุ่นราคาประมาณ (บาท)กรอง PM2.5สารก่อภูมิแพ้ขนาดห้อง (ตร.ม.)จุดเด่น
Xiaomi Mi Air Purifier 3C3,000 – 3,50020 – 25ประสิทธิภาพสูง ราคาย่อมเยา
Sharp FP-J30TA3,500 – 4,50021 – 23ระบบ Plasmacluster ประหยัดไฟ
Hatari HT-AP122,500 – 3,00018 – 24ราคาถูกที่สุด ดีไซน์กะทัดรัด
Philips AC0820/204,500 – 5,50016 – 20กรอง PM2.5 ใน 39 นาที
Tefal Pure Air Essential4,000 – 4,50012 – 15ฟิลเตอร์ 3 ชั้น กรองไวรัสบางชนิด

รีวิว 5 รุ่นเครื่องฟอกอากาศราคาถูกที่น่าสนใจ

1. Xiaomi Mi Air Purifier 3C

  • ราคา: 3,000 – 3,500 บาท
  • ขนาดห้องที่เหมาะสม: 20 – 25 ตร.ม.
  • คุณสมบัติเด่น:
    • ใช้ HEPA Filter ระดับ H13 กรองฝุ่น PM2.5 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    • เชื่อมต่อกับแอป Mi Home เพื่อควบคุมผ่านสมาร์ทโฟน
    • ดีไซน์เรียบง่าย ใช้งานง่าย

2. Sharp FP-J30TA

  • ราคา: 3,500 – 4,500 บาท
  • ขนาดห้องที่เหมาะสม: 21 – 23 ตร.ม.
  • คุณสมบัติเด่น:
    • มีเทคโนโลยี Plasmacluster ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราในอากาศ
    • ประหยัดพลังงานด้วยโหมดการทำงานเงียบ
    • เหมาะสำหรับห้องนอนหรือห้องเล็ก

3. Hatari HT-AP12

  • ราคา: 2,500 – 3,000 บาท
  • ขนาดห้องที่เหมาะสม: 18 – 24 ตร.ม.
  • คุณสมบัติเด่น:
    • เป็นเครื่องฟอกอากาศที่ราคาถูกที่สุดในลิสต์
    • ใช้ระบบกรองอากาศ 4 ขั้นตอน ดักจับฝุ่นและกลิ่น
    • ดีไซน์เล็กกะทัดรัด เหมาะสำหรับคนที่ต้องการพกพาหรือใช้ในพื้นที่ขนาดเล็ก

4. Philips AC0820/20

  • ราคา: 4,500 – 5,500 บาท
  • ขนาดห้องที่เหมาะสม: 16 – 20 ตร.ม.
  • คุณสมบัติเด่น:
    • สามารถกรอง PM2.5 ได้ในเวลาเพียง 39 นาที
    • ระบบ Night Mode ทำงานเงียบเหมาะกับการใช้งานในเวลากลางคืน
    • ดีไซน์ทันสมัย ใช้พื้นที่น้อย

5. Tefal Pure Air Essential

  • ราคา: 4,000 – 4,500 บาท
  • ขนาดห้องที่เหมาะสม: 12 – 15 ตร.ม.
  • คุณสมบัติเด่น:
    • ระบบกรอง 3 ชั้น ดักจับฝุ่น PM2.5, แบคทีเรีย และกลิ่น
    • ใช้งานง่ายด้วยปุ่มควบคุมพื้นฐาน
    • เหมาะสำหรับห้องขนาดเล็ก เช่น ห้องทำงานหรือห้องนอน

วิธีเลือกเครื่องฟอกอากาศราคาประหยัดให้คุ้มค่า

  1. เลือกตามขนาดห้อง:
    • ห้องเล็ก (12 – 20 ตร.ม.): แนะนำ Tefal Pure Air Essential หรือ Philips AC0820/20
    • ห้องขนาดกลาง (20 – 25 ตร.ม.): แนะนำ Xiaomi Mi Air Purifier 3C หรือ Sharp FP-J30TA
  2. ดูฟิลเตอร์ที่ใช้:
    • เลือกเครื่องฟอกอากาศที่ใช้ HEPA Filter ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงในการกรอง PM2.5
    • หากต้องการลดแบคทีเรียหรือกลิ่น ควรเลือกรุ่นที่มีฟิลเตอร์หลายชั้น เช่น Sharp หรือ Tefal
  3. คำนึงถึงการใช้งานระยะยาว:
    • ตรวจสอบราคาและอายุการใช้งานของฟิลเตอร์ เพราะบางรุ่นอาจมีค่าเปลี่ยนฟิลเตอร์สูง

ข้อดี-ข้อเสียของเครื่องฟอกอากาศราคาประหยัด

ข้อดี

  • ราคาเข้าถึงง่าย เริ่มต้นเพียง 2,500 บาท
  • ประสิทธิภาพการกรองฝุ่น PM2.5 ดี
  • ขนาดกะทัดรัด เหมาะสำหรับห้องเล็ก

ข้อเสีย

  • ฟังก์ชันเสริมหรือเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น การกรอง TVOC หรือเชื้อไวรัส อาจไม่มีในบางรุ่น
  • ประสิทธิภาพการฟอกอากาศอาจไม่ครอบคลุมสำหรับห้องขนาดใหญ่

สรุป: เครื่องฟอกอากาศราคาประหยัดรุ่นไหนที่เหมาะกับคุณ?

  • หากคุณต้องการฟังก์ชันครบในราคาประหยัด Xiaomi Mi Air Purifier 3C คือตัวเลือกที่ดีที่สุด
  • สำหรับผู้ที่ต้องการเทคโนโลยี Plasmacluster ในราคาย่อมเยา Sharp FP-J30TA เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า
  • ถ้าคุณมีงบจำกัดและมองหาเครื่องราคาถูกที่สุด Hatari HT-AP12 ตอบโจทย์แน่นอน

ไม่ว่าคุณจะเลือกเครื่องฟอกอากาศรุ่นไหน อย่าลืมตรวจสอบให้แน่ใจว่าเหมาะกับขนาดห้องและการใช้งานของคุณ เพื่อให้การลงทุนครั้งนี้ช่วยดูแลสุขภาพของคุณและครอบครัวได้อย่างคุ้มค่าที่สุด