ในยุคที่ฝุ่น PM2.5 และมลพิษทางอากาศในไทยกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน หลายคนเริ่มมองหา เครื่องฟอกอากาศ เพื่อช่วยปรับปรุงคุณภาพอากาศในบ้าน แต่บางครั้งราคาของเครื่องฟอกอากาศอาจดูสูงเกินไปสำหรับคนที่มีงบจำกัด โชคดีที่ยังมีตัวเลือกเครื่องฟอกอากาศราคาประหยัดที่มีประสิทธิภาพดีและช่วยให้คุณหายใจสะดวกขึ้นได้
บทความนี้จะพาคุณไปดู เครื่องฟอกอากาศราคาถูกและคุ้มค่า เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการประหยัดงบ แต่ยังคงต้องการคุณภาพการกรองฝุ่น PM2.5 และสารก่อภูมิแพ้ พร้อมเปรียบเทียบคุณสมบัติ ราคา และขนาดห้องที่เหมาะสม
ตารางเปรียบเทียบเครื่องฟอกอากาศราคาประหยัด (เริ่มต้นที่หลัก 1,000+)
ยี่ห้อ / รุ่น | ราคาประมาณ (บาท) | กรอง PM2.5 | สารก่อภูมิแพ้ | ขนาดห้อง (ตร.ม.) | จุดเด่น |
---|---|---|---|---|---|
Xiaomi Mi Air Purifier 3C | 3,000 – 3,500 | ✅ | ✅ | 20 – 25 | ประสิทธิภาพสูง ราคาย่อมเยา |
Sharp FP-J30TA | 3,500 – 4,500 | ✅ | ✅ | 21 – 23 | ระบบ Plasmacluster ประหยัดไฟ |
Hatari HT-AP12 | 2,500 – 3,000 | ✅ | ✅ | 18 – 24 | ราคาถูกที่สุด ดีไซน์กะทัดรัด |
Philips AC0820/20 | 4,500 – 5,500 | ✅ | ✅ | 16 – 20 | กรอง PM2.5 ใน 39 นาที |
Tefal Pure Air Essential | 4,000 – 4,500 | ✅ | ✅ | 12 – 15 | ฟิลเตอร์ 3 ชั้น กรองไวรัสบางชนิด |
รีวิว 5 รุ่นเครื่องฟอกอากาศราคาถูกที่น่าสนใจ
1. Xiaomi Mi Air Purifier 3C
- ราคา: 3,000 – 3,500 บาท
- ขนาดห้องที่เหมาะสม: 20 – 25 ตร.ม.
- คุณสมบัติเด่น:
- ใช้ HEPA Filter ระดับ H13 กรองฝุ่น PM2.5 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- เชื่อมต่อกับแอป Mi Home เพื่อควบคุมผ่านสมาร์ทโฟน
- ดีไซน์เรียบง่าย ใช้งานง่าย
2. Sharp FP-J30TA
- ราคา: 3,500 – 4,500 บาท
- ขนาดห้องที่เหมาะสม: 21 – 23 ตร.ม.
- คุณสมบัติเด่น:
- มีเทคโนโลยี Plasmacluster ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราในอากาศ
- ประหยัดพลังงานด้วยโหมดการทำงานเงียบ
- เหมาะสำหรับห้องนอนหรือห้องเล็ก
3. Hatari HT-AP12
- ราคา: 2,500 – 3,000 บาท
- ขนาดห้องที่เหมาะสม: 18 – 24 ตร.ม.
- คุณสมบัติเด่น:
- เป็นเครื่องฟอกอากาศที่ราคาถูกที่สุดในลิสต์
- ใช้ระบบกรองอากาศ 4 ขั้นตอน ดักจับฝุ่นและกลิ่น
- ดีไซน์เล็กกะทัดรัด เหมาะสำหรับคนที่ต้องการพกพาหรือใช้ในพื้นที่ขนาดเล็ก
4. Philips AC0820/20
- ราคา: 4,500 – 5,500 บาท
- ขนาดห้องที่เหมาะสม: 16 – 20 ตร.ม.
- คุณสมบัติเด่น:
- สามารถกรอง PM2.5 ได้ในเวลาเพียง 39 นาที
- ระบบ Night Mode ทำงานเงียบเหมาะกับการใช้งานในเวลากลางคืน
- ดีไซน์ทันสมัย ใช้พื้นที่น้อย
5. Tefal Pure Air Essential
- ราคา: 4,000 – 4,500 บาท
- ขนาดห้องที่เหมาะสม: 12 – 15 ตร.ม.
- คุณสมบัติเด่น:
- ระบบกรอง 3 ชั้น ดักจับฝุ่น PM2.5, แบคทีเรีย และกลิ่น
- ใช้งานง่ายด้วยปุ่มควบคุมพื้นฐาน
- เหมาะสำหรับห้องขนาดเล็ก เช่น ห้องทำงานหรือห้องนอน

วิธีเลือกเครื่องฟอกอากาศราคาประหยัดให้คุ้มค่า
- เลือกตามขนาดห้อง:
- ห้องเล็ก (12 – 20 ตร.ม.): แนะนำ Tefal Pure Air Essential หรือ Philips AC0820/20
- ห้องขนาดกลาง (20 – 25 ตร.ม.): แนะนำ Xiaomi Mi Air Purifier 3C หรือ Sharp FP-J30TA
- ดูฟิลเตอร์ที่ใช้:
- เลือกเครื่องฟอกอากาศที่ใช้ HEPA Filter ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงในการกรอง PM2.5
- หากต้องการลดแบคทีเรียหรือกลิ่น ควรเลือกรุ่นที่มีฟิลเตอร์หลายชั้น เช่น Sharp หรือ Tefal
- คำนึงถึงการใช้งานระยะยาว:
- ตรวจสอบราคาและอายุการใช้งานของฟิลเตอร์ เพราะบางรุ่นอาจมีค่าเปลี่ยนฟิลเตอร์สูง
ข้อดี-ข้อเสียของเครื่องฟอกอากาศราคาประหยัด
ข้อดี
- ราคาเข้าถึงง่าย เริ่มต้นเพียง 2,500 บาท
- ประสิทธิภาพการกรองฝุ่น PM2.5 ดี
- ขนาดกะทัดรัด เหมาะสำหรับห้องเล็ก
ข้อเสีย
- ฟังก์ชันเสริมหรือเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น การกรอง TVOC หรือเชื้อไวรัส อาจไม่มีในบางรุ่น
- ประสิทธิภาพการฟอกอากาศอาจไม่ครอบคลุมสำหรับห้องขนาดใหญ่
สรุป: เครื่องฟอกอากาศราคาประหยัดรุ่นไหนที่เหมาะกับคุณ?
- หากคุณต้องการฟังก์ชันครบในราคาประหยัด Xiaomi Mi Air Purifier 3C คือตัวเลือกที่ดีที่สุด
- สำหรับผู้ที่ต้องการเทคโนโลยี Plasmacluster ในราคาย่อมเยา Sharp FP-J30TA เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า
- ถ้าคุณมีงบจำกัดและมองหาเครื่องราคาถูกที่สุด Hatari HT-AP12 ตอบโจทย์แน่นอน
ไม่ว่าคุณจะเลือกเครื่องฟอกอากาศรุ่นไหน อย่าลืมตรวจสอบให้แน่ใจว่าเหมาะกับขนาดห้องและการใช้งานของคุณ เพื่อให้การลงทุนครั้งนี้ช่วยดูแลสุขภาพของคุณและครอบครัวได้อย่างคุ้มค่าที่สุด